การตรวจเช็ครายได้จะทำให้รู้ว่าแต่ละวันคุณทำเงินได้เท่าไรบ้าง
เมื่อเรา Login เข้า Google AdSense จะเห็นยอดเงินประจำวันของคุณ
Today's Earnings : $9999.00 คุณสามารถเลือกดูได้จาก View ว่า
- วันนี้คุณได้เท่าไหร่
- เมื่อว่านนี้ ได้เท่าไหร่
- 7 วันล่าสุดได้เท่าไหร่
- เดือนนี้ ได้เท่าไหร่
- เดือนล่าสุด ได้เท่าไหร่
- รวมทั้งหมดได้เท่าไหร่
Google จะจ่ายเงินให้คุณก็ต่อเมื่อคุณมีรายได้ครบ 100$ เมื่อคุณมีรายได้ 50$ ทาง Google จะส่ง PIN มาให้คุณ ทางจดหมาย ตามที่อยู่ที่ได้สมัครไว้ ดังนั้นให้ตรวจเช็คที่อยู่ของคุณให้ถูกต้องนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่ส่งมา ระยะเวลาในการจัดส่งอยู่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่ของผมรอประมาณ 18 วัน
การกรอกข้อมูล PIN
1.ให้ Login เข้า Google AdSense จากนั้นจะเห็นข้อความ You payments are currently on hold.
Action is required to release payment Click here for details ให้คลิกที่ Click here for details
2.ที่ Required Action ให้คลิกที่ Please enter your PIN
3.ใส่หมายเลข PIN ของคุณ แล้วคลิก Submit PIN เสร็จสิ้นขั้นตอนการยืนยันการมีตัวตนเพื่อรับเงินครับ
4.จากนั้นเมื่อเราทำยอดถึง 100$ ทาง Google จะส่งเช็คมาให้รอสัก 1-3 สัปดาห์มาถึงเราให้คุณนำเช็คนั้น ไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ถ้าคุณเลือกรับเงินเป็น Thai Baht คุณจะได้รับเช็คเร็วมากประมาณวันที่ 7 ก็จะได้รับเช็คแล้ว เช็คที่ส่งมาให้จะออกโดย ซิตี้แบงค์ สีลม นี่เองครับ
บทความ : คุณชอบเลข 8 เหมือนผมไหมคับ ? ผมเป็นคนนึงที่ชอบเลข 8 คับ เพราะเวลามองแนวนอนก็จะเหมือนเครื่องหมาย Infinity ก็คือ ไม่มีวันสิ้นสุด แต่ถ้ามองแนวนอนก็จะเหมือนกับ ตุ๊กตาล้มลุกของญี่ปุ่น ซึ่งมีความหมายว่า ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็จะยังลุกขึ้นมาเหมือนเดิม.
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ SEO แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ SEO แสดงบทความทั้งหมด
นำโฆษณามาจาก Adsense
วิธีนำ Code โฆษณามาจาก Google AdSense
1. หลังจากสมัคร Google AdSense ผ่านเรียบร้อยแล้ว ให้คุณ Login เข้า Google AdSense
2. เมื่อ Login เข้า Google AdSense เป็นที่เรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ AdSense Setup จะมี Ads (โฆษณา) ให้เลือก 3 รูปแบบ ดังนี้
(1.) AdSense for content : เป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเว็บไซต์ ซึ่งแบ่งออก 2 ข้อย่อย ดังนี้
- Ad unit : สร้างโฆษณาแบบข้อความอย่างเดียว, สร้างโฆษณาแบบรูปภาพอย่างเดียว หรือ สร้างโฆษณาแบบข้อความสลับแบบรูปภาพก็ได้ โดยโฆษณานั้นจะมีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 3 อัน ดูขนาดของโฆษณา (คริกเพื่อดูขนาดโฆษณา)
- Link unit : สร้างโฆษณาแบบลิงค์ ซึ่งลักษณะโฆษณาเหมือนลิงค์ หรือ หัวข้อของเว็บไซต์ ซึ่งโฆษณานั้นก็จะมีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ เช่นกัน ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 3 อัน ดูขนาดของโฆษณา (คริกเพื่อดูขนาดโฆษณา)
3. เมื่อเลือกได้แล้วว่าต้องการโฆษณาอันไหน จากนั้นกดที่ปุ่ม Continues >>
4. หน้าถัดมานี้ ให้เรากำหนด- Format : ให้เลือกขนาดของโฆษณา - Colors : เป็นการปรับแต่งสีของโฆษณาให้เหมาะกับเว็บ/บล็อกของเรา - Corner Styles : เป็นการเลือกรอบโฆษณา เช่น กรอบสี่เหลี่ยม ฯลฯ เมื่อได้ตามต้องการแล้ว คลิกปุ่ม Continues >>>
5. จากนั้นจะเห็นแถบ Add new Channel เป็นการกำหนดว่าจะนำโฆษณาชุดนี้ไปติดที่เว็บไหน เพื่อที่จะรู้ว่าเว็บไหนทำเงิน
ในส่วนนี้จะเพิ่มหรือไม่เพิ่มก็ได้ ถ้าไม่ต้องการ ก็สามารถคลิก Contines >> ได้เลย
- เพียงเท่านี้เราก็จะได้โค๊ดโฆษณาทำเงินสำหรับติดที่เว็บ/บล็อกแล้วครับ
- ให้ คัดลอก(Copy) Code แล้วเปิดโปรแกรม Notepad (ซึ่งจะมีอยู่ทุกเครื่องไปที่ Start > Programs > Accessories > Notepad) จากนั้นให้ วาง(Paste) Code ใส่ในโปรแกรม Notepad และ Save เก็บไว้สามารถนำมาใช้ได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องมาสร้างใหม่ครับ
(2.) AdSense for search : เป็นการสร้าง Code โฆษณา เพื่อจะได้กล่องสำหรับค้นหาเว็บไซต์ เป็นกล่องค้นหา สำหรับมาติดในเว็บไซต์ ซึ่งผู้เยี่ยมชมใช้ค้นหาเว็บไซต์ได้ทั่วโลก และยังใช้ในการค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณก็ได้ สามารถปรับแต่งกล่องค้นหาเว็บไซต์ ให้เข้ากับเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 2 อัน มีขั้นตอนในการนำโค๊ดดังนี้1. ไปที่ AdSense Setup
2. คลิกที่ AdSense for Search
จากนั้นจะพบกับ Search Type ซึ่งมีให้เลือก 2 อย่างคือ
- Google WebSearch :- Google WebSearch + SiteSearch
3. สามารถเลือกได้ว่าจะให้ค้นหาจาก Google อย่างเดียว หรือให้ค้นหาในเว็บไซต์ของเราด้วย ถ้าต้องการให้ค้นหาในเว็บของเราด้วย ก็ให้ใส่ชื่อเว็บของเราลงไป
4. ในส่วนของ Search box style เป็นการปรับแต่ง Search Box ทดลองปรับดูนะครับให้เหมาะกับเว็บเรา
5. ต่อมาในส่วนของ Site language เป็นการเลือกภาษา ให้เลือกเป็น English
6. ในส่วนของ Opening of search results page เป็นการกำหนดว่า เมื่อคลิกค้นหาแล้ว จะให้แสดงในหน้าต่างเดียวกัน หรือเปิดเป็นหน้าใหม่
- ในส่วนของ Your site encoding เป็นการเลือกว่าเว็บของเรานั้นใช้รหัสแบบใด แนะนำให้เลือกเป็น Unicode (UTF-8) จากนั้นคลิก Contines>> คลิก Contines >>>
- เพียงเท่านี้เราก็ได้โค๊ดโฆษณาของกล่องค้นหา Search Box แล้วครับ
(3.) Referrals : เป็นโฆษณาเพื่อแนะนำบริการต่าง ๆ ของ Google
รายได้จากการแนะนำสินค้าและบริการของ Google มีให้เลือกมากมาย แต่ของ Google มีอยู่ 3 อันหลักๆ ดังนี้
- Google AdSense : แนะนำ AdSense ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 1 อัน
- Google AdWords : แนะนำ AdWords ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 1 อัน
- Firefox : แนะนำให้ดาวน์โหลด Firefox ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 1 อัน
ขั้นตอนในการนำโค๊ดโฆษณามาใช้งาน
1. ไปที่ AdSense Setup
2. คลิกเลือที่ Referrals
3. จากนั้นจะเห็น All Product สินค้ามากมาย ซึ่งทุกตัวจะทำขั้นตอนเดี่ยวกัน ดังนั้นในที่นี้จะขอยกตัวอย่าง 1 สินค้า เป็น Firefox ก็แล้วกันนะครับ
- คลิกที่ View products (อยู่ต่อจาก Google Products >>> View Products) จะเห็นสินค้าอยู่ 3 ตัว ให้เลือกเอาว่าต้องการอันไหน เช่น ผมต้องการสินค้า Firefox ก็คลิกที่ Firefox plus Google Toolbar
- จากนั้นจะเห็นรูปแบบต่างๆ ขนาดต่างๆ ของสินค้า สามารถเลือกได้ตามต้องการครับ โดยคลิกให้มีเครื่องหมายถูกด้านหน้า
- จากนั้นคลิก Continues >>> (อยู่ด้านล่างสุด)- เพียงเท่านี้ก็ได้โค๊ดสินค้า FireFox เพื่อทำเงินแล้วครับ ใครมาดาวน์โหลดจากเว็บเรา เราก็ได้เงินสบายๆ ครับ
1. หลังจากสมัคร Google AdSense ผ่านเรียบร้อยแล้ว ให้คุณ Login เข้า Google AdSense
2. เมื่อ Login เข้า Google AdSense เป็นที่เรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ AdSense Setup จะมี Ads (โฆษณา) ให้เลือก 3 รูปแบบ ดังนี้
(1.) AdSense for content : เป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเว็บไซต์ ซึ่งแบ่งออก 2 ข้อย่อย ดังนี้
- Ad unit : สร้างโฆษณาแบบข้อความอย่างเดียว, สร้างโฆษณาแบบรูปภาพอย่างเดียว หรือ สร้างโฆษณาแบบข้อความสลับแบบรูปภาพก็ได้ โดยโฆษณานั้นจะมีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 3 อัน ดูขนาดของโฆษณา (คริกเพื่อดูขนาดโฆษณา)
- Link unit : สร้างโฆษณาแบบลิงค์ ซึ่งลักษณะโฆษณาเหมือนลิงค์ หรือ หัวข้อของเว็บไซต์ ซึ่งโฆษณานั้นก็จะมีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ เช่นกัน ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 3 อัน ดูขนาดของโฆษณา (คริกเพื่อดูขนาดโฆษณา)
3. เมื่อเลือกได้แล้วว่าต้องการโฆษณาอันไหน จากนั้นกดที่ปุ่ม Continues >>
4. หน้าถัดมานี้ ให้เรากำหนด- Format : ให้เลือกขนาดของโฆษณา - Colors : เป็นการปรับแต่งสีของโฆษณาให้เหมาะกับเว็บ/บล็อกของเรา - Corner Styles : เป็นการเลือกรอบโฆษณา เช่น กรอบสี่เหลี่ยม ฯลฯ เมื่อได้ตามต้องการแล้ว คลิกปุ่ม Continues >>>
5. จากนั้นจะเห็นแถบ Add new Channel เป็นการกำหนดว่าจะนำโฆษณาชุดนี้ไปติดที่เว็บไหน เพื่อที่จะรู้ว่าเว็บไหนทำเงิน
ในส่วนนี้จะเพิ่มหรือไม่เพิ่มก็ได้ ถ้าไม่ต้องการ ก็สามารถคลิก Contines >> ได้เลย
- เพียงเท่านี้เราก็จะได้โค๊ดโฆษณาทำเงินสำหรับติดที่เว็บ/บล็อกแล้วครับ
- ให้ คัดลอก(Copy) Code แล้วเปิดโปรแกรม Notepad (ซึ่งจะมีอยู่ทุกเครื่องไปที่ Start > Programs > Accessories > Notepad) จากนั้นให้ วาง(Paste) Code ใส่ในโปรแกรม Notepad และ Save เก็บไว้สามารถนำมาใช้ได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องมาสร้างใหม่ครับ
(2.) AdSense for search : เป็นการสร้าง Code โฆษณา เพื่อจะได้กล่องสำหรับค้นหาเว็บไซต์ เป็นกล่องค้นหา สำหรับมาติดในเว็บไซต์ ซึ่งผู้เยี่ยมชมใช้ค้นหาเว็บไซต์ได้ทั่วโลก และยังใช้ในการค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณก็ได้ สามารถปรับแต่งกล่องค้นหาเว็บไซต์ ให้เข้ากับเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 2 อัน มีขั้นตอนในการนำโค๊ดดังนี้1. ไปที่ AdSense Setup
2. คลิกที่ AdSense for Search
จากนั้นจะพบกับ Search Type ซึ่งมีให้เลือก 2 อย่างคือ
- Google WebSearch :- Google WebSearch + SiteSearch
3. สามารถเลือกได้ว่าจะให้ค้นหาจาก Google อย่างเดียว หรือให้ค้นหาในเว็บไซต์ของเราด้วย ถ้าต้องการให้ค้นหาในเว็บของเราด้วย ก็ให้ใส่ชื่อเว็บของเราลงไป
4. ในส่วนของ Search box style เป็นการปรับแต่ง Search Box ทดลองปรับดูนะครับให้เหมาะกับเว็บเรา
5. ต่อมาในส่วนของ Site language เป็นการเลือกภาษา ให้เลือกเป็น English
6. ในส่วนของ Opening of search results page เป็นการกำหนดว่า เมื่อคลิกค้นหาแล้ว จะให้แสดงในหน้าต่างเดียวกัน หรือเปิดเป็นหน้าใหม่
- ในส่วนของ Your site encoding เป็นการเลือกว่าเว็บของเรานั้นใช้รหัสแบบใด แนะนำให้เลือกเป็น Unicode (UTF-8) จากนั้นคลิก Contines>> คลิก Contines >>>
- เพียงเท่านี้เราก็ได้โค๊ดโฆษณาของกล่องค้นหา Search Box แล้วครับ
(3.) Referrals : เป็นโฆษณาเพื่อแนะนำบริการต่าง ๆ ของ Google
รายได้จากการแนะนำสินค้าและบริการของ Google มีให้เลือกมากมาย แต่ของ Google มีอยู่ 3 อันหลักๆ ดังนี้
- Google AdSense : แนะนำ AdSense ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 1 อัน
- Google AdWords : แนะนำ AdWords ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 1 อัน
- Firefox : แนะนำให้ดาวน์โหลด Firefox ในแต่ละหน้าเว็บเพจติดได้ 1 อัน
ขั้นตอนในการนำโค๊ดโฆษณามาใช้งาน
1. ไปที่ AdSense Setup
2. คลิกเลือที่ Referrals
3. จากนั้นจะเห็น All Product สินค้ามากมาย ซึ่งทุกตัวจะทำขั้นตอนเดี่ยวกัน ดังนั้นในที่นี้จะขอยกตัวอย่าง 1 สินค้า เป็น Firefox ก็แล้วกันนะครับ
- คลิกที่ View products (อยู่ต่อจาก Google Products >>> View Products) จะเห็นสินค้าอยู่ 3 ตัว ให้เลือกเอาว่าต้องการอันไหน เช่น ผมต้องการสินค้า Firefox ก็คลิกที่ Firefox plus Google Toolbar
- จากนั้นจะเห็นรูปแบบต่างๆ ขนาดต่างๆ ของสินค้า สามารถเลือกได้ตามต้องการครับ โดยคลิกให้มีเครื่องหมายถูกด้านหน้า
- จากนั้นคลิก Continues >>> (อยู่ด้านล่างสุด)- เพียงเท่านี้ก็ได้โค๊ดสินค้า FireFox เพื่อทำเงินแล้วครับ ใครมาดาวน์โหลดจากเว็บเรา เราก็ได้เงินสบายๆ ครับ
การสมัคร Google Adsense
ขั้นตอนการสมัคร Google AdSense
1.การสมัคร Google AdSense ดังที่เราได้แนะนำการสร้างเว็บบล็อกเป็นภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว
2.ในเว็บบล๊อคของผม ให้คุณลองมองไปทางขวามือ >>>>>> แล้วคริก สมัคร Google Adsense
3.ให้ คริก >>> Sign up now (คือปุ่มการสมัครนั่นเอง)
4.จากนั้นให้ พิมพ์ข้อมูลต่างๆ ที่ทาง Google กำหนด โดยพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ ดังนี้
Website Information
- Website URL : [?] : ใส่ชื่อเว็บไซต์/บล็อกของคุณ เช่น : http://freemoney-boatsang.blogspot.com/
- Website language : เลือกภาษา ให้คุณเลือกเป็น : English - English
Contact Information
- Account type: [?] : เลือกประเภทของเว็บคุณ
(1.บุคคลธรรมดา : Individual)
(2.องค์กรธุรกิจ/บริษัท : Business)
- Country or territory : อยู่ในประเทศเลือก : ประเทศไทย
- Payee name : (full name) ชื่อผู้รับเงิน (ให้ใส่ทั้งชื่อ และนามสกุลของคุณ)
- Address line 1 : เลขที่ตั้ง ซอย ถนน
- Address line 2 (optional): แขวง/ตำบล
- City : เขต/อำเภอ
- State, province or region : จังหวัด
- Zip or postal code : รหัสไปรณีย์
- Phone : หมายเลขโทรศัพท์ เช่น 087-606-3510 ก็ใส่เป็น 66876063510
- Fax (optional) : หมายเลขโทรสาร (เว้นว่างไว้ก็ได้)
Product Selection
- AdSense for Content : ให้ทำเครื่องหมายถูก
- AdSense for Search : ให้ทำเครื่องหมายถูก
- Policies : ให้ทำเครื่องหมายถูก ทุกอัน (กฎเบื้องต้นของ AdSense)
- จะไม่คลิกโฆษณาบนเว็บของตัวเอง ให้คนอื่นคลิก
- ไม่วางโฆษณาในบริเวณกระตุ้นการคลิก เช่น Download
- ยินยอมที่จะให้สั่งจ่ายเช็คตามผู้รับด้านบน
- ไม่วางโฆษณาในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ลามกอนาจาร เป็นต้น
- คุณได้อ่านตามข้อกำหนดใน Adsense Program Policy แล้ว
5.เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ให้คลิกที่ >>> Submit Information
6.คลิกหัวข้อที่ 2 : I have an email address and password I already use.....
7.จากนั้นคลิกที่หัวข้อแรก : I'd like to use my existing Google Account for AdSense.
8.ใส่อีเมลและพาสเวิร์ด ของเรา (Gmail)
9.เป็นการแจ้งจาก Google AdSense ว่าจะให้ รอประมาณ 1-3 วัน เพื่อให้ทาง Google AdSense วิเคราะห์เว็บไซต์/บล็อกที่เราส่งไปสมัคร Google จะตอบกลับมาทางอีเมล์
ปล.ย้ำนะครับ ทาง Google จะวิเคราะห์ บล๊อกของเราประมาน 1-3 ดังนั้นให้เพื่อนๆคอยเช็ค Gmail ด้วยนะคับ
เมื่อทาง Google AdSense วิเคราะห์เว็บเราเสร็จแล้ว ก็จะแจ้งมาทางอีเมล เพื่อให้ยืนยันการมีตัวตนอีกครั้ง ให้เข้าไปดูที่อีเมลของเรา จะมีข้อความส่งมาจาก Google AdSense (ระยะเวลาในการส่งเมลมาประมาณ 1-3 วัน จากที่ได้สมัคร) ข้อความจะปรากฎด้านล่างครับ เป็นการแสดงความยินดี Welcome to Google AdSense

ให้คลิกที่ >> Visit https://www.google.com/adsense?hl=en US จากเมลของคุณ

จากนั้นคลิกเครื่องหมายถูกที่ [/] By Checking......I Accept และคลิกที่ I Accept ยอมรับ
หลังจากนั้น ให้ยืนยันข้อมูลทางภาษี
1. คลิกที่ หัวข้อ My Account
2. คลิกหัวข้อย่อย Tax Information และให้ทำเครื่องหมายที่วงกลม เลือก No และ กดปุ่ม Continue
3. หน้าถัดมา Do you have U.S. Activities related to you participation in AdSense? ให้เลือกNo และ กดปุ่ม Continue
4. หน้าถัดมา ให้ใส่ชื่อ - นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ ใน Signature of Publisher... และนี่ถือว่าเป็นลายเซ็นของคุณ และ กดปุ่ม >>> Submit information
5. เพียงเท่านี้ ก็ถือว่าได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้น ให้เลือกการรับเงินรายได้
1. คลิกที่ หัวข้อ My Account
2. คลิกหัวข้อย่อย Payment History
3. คลิกที่ Please select or verify a form of payment
4. ให้ทำเครื่องหมาย ที่วงกลม : Check - Standard Delivery และ กดปุ่ม Continue
5. ในหน้าถัดมา ให้เลือกสกุลเงินที่ต้องการ ให้เลือก Thai Baht (THB) และ กดปุ่ม Save change
**เพียงเท่านี้ คุณก็เป็น Publisher : ผู้เผยแพร่โฆษณาทางอินเทอร์เน็ต สามารถทำเงิน ด้วยการแสดงโฆษณา ด้วยธุรกิจของคุณเอง 100%**
หลักการทำเว็บให้ติดการค้นหาง่าย SEO (Search Engine Optimization)
สร้างเว็บขึ้นมา แต่คนเข้าไม่กี่คน แถมค้นหาในGoogle หรือเว็บค้นหาต่างๆไม่พบ เป็นปัญหาที่เจ้าของเว็บอาจกลุ้มใจ ดังนั้นเรามีเข้าใจหลักการในการทำให้เว็บเราถูกค้นหาได้ตามหลักการดีกว่า
ซึ่งหากเราทำถูกต้องแล้ว มั่นใจเถอะว่าเราจะเป็นหนึ่งในสารบัญเว็บในGoogle หรือ อื่นๆอย่างแน่นอน อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้า ซึ่งส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับการUpdate และ การขยันโปรโมทเพิ่มเติมด้วย
SEO คืออะไร
SEO (เอสอีโอ) มาจากคำว่า Search Engine Optimization “เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ โครงสร้างเว็บไซต์ รวมไปถึงการโปรโมท เว็บไซต์ เพื่อให้ Search Engine ต่างๆ สามารถค้นหาและรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของเราได้สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งผลจากการทำ SEO ก็จะทำให้ เว็บไซต์ของเราอยู่ในอับดับ ติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine (เครื่องมือค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Google, MSN, Yahoo, เป็นต้น)
ผลที่ตามมา ก็คือเว็บไซต์ของเราจะมีคนเข้ามามากขึ้น การค้าขาย ให้บริการต่างๆ ได้ลูกค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น”
SEO สำคัญยังไง
อินเตอร์เน็ตในยุคปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ใช้ Search Engine ในการค้นหาข้อมูล แทนที่จะต้องพิมพ์ URL (Uniform Resource Locator) ก็ใช้ Keyword (คำค้น) ป้อนลงไปใน Search Engine Box ต่างๆ ก็จะค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย และตรงประเด็น มีให้เลือกเปรียบเทียบอีกหลายๆ แห่ง สำหรับเรื่องๆ นั้น และเมื่อค้นพบแล้ว ก็จะมีการแสดงผลออกมาหลายๆ หน้า หลายๆ เว็บไซต์ เว็บที่ถูกแสดงเป็นอันดับที่ต้นๆ หรือที่แสดงผลในหน้าแรก ก็จะถูกคลิกเข้าไปดูข้อมูลมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บตัวเองขึ้นอันดับ 1 ของ Keyword นั้นๆ เผื่อผลประโยชน์หลายๆ ด้านเช่น ขายสินค้า โฆษณา หรือโปรโมทร้านค้า หรือบริษัทของตัวเอง
หลักการทำ SEO ทำได้อย่างไร
การทำ SEO ทำได้ 2 ทาง หลักๆ คือ..
1. On Page คือ การทำในเว็บไซต์ของเรา เป็นการปรับแต่งโคร่งสร้างต่างๆ ภายในเว็บไซต์ของเรา
2. Off Page คือ การทำภายนอกเว็บไซต์ ก็คือการมีลิงค์จากเว็บอื่นมาที่เว็บของเรา เช่น ฝากลิงค์ ตามเว็บ บอร์ด เว็บลงประกาศฟรี ฯลฯ
รู้จักคีย์เวิร์ด
คีย์ เวิร์ด ก็คือ คำ ที่ใช้ในการ ค้นหา ใน Search Engine เพื่อให้เจอกับเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคำนั้น ๆ
การทำ SEO On-Page (ทำภายในเว็บไซต์)
เทคนิคการเขียน Title และ Description
การเขียน Title
การเขียน Title ควรมีจำนวนตัวอักษร 65 ตัวอักษร (ใช้ ให้ขาด ให้เกิน น้อยที่สุดยิ่งดีครับ ถ้าสงสัยลองนับดูหน้า Google ครับ) ถ้ามากกว่านั้น Google ก็แสดงไม่หมด ส่วนการเขียน Title ที่ดีนั้น ควรจะเขียน ให้เป็นประโยคที่อ่านแล้วน่า คลิก สื่อถึงเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้ดี และที่สำคัญ ควรสอดแทรกด้วยคีย์เวิร์ดเข้าไปให้มากที่สุด แต่อย่างมากจนหน้าเกลียด และที่สำคัญอ่านแล้วต้องมีความหมาย และเป็นประโยค ด้วยครับ
การเขียน Description
การเขียน Description มีจำนวนตัวอักษร 155 ตัวอักษร (ใช้ให้ขาด ให้เกิน น้อยที่สุดยิ่งดี ถ้าสงสัยลองนับดูหน้า Google ) ในการเขียนก็ใช้หลักการเดียวกับ การเขียน Title
เนื้อหาภายในเว็บไซต์ ควรสอดคล้อง กับคีย์เวิร์ด และ สอดแทรกด้วยคีย์เวิร์ด
ใส่คำอธิบายให้กับรูปภาพ
เพิ่มบทความหรือข้อมูลใหม่ๆ ให้กับเว็บไซต์ สม่ำเสมอ
อย่าง ที่รู้กันนะครับว่า Google จะชอบเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาใหม่ๆ ไม่ซ้ำกับเว็บไซต์อื่นๆ ยิ่งเว็บไซต์ไหนมีการอัพเดทเนื้อหาอยู่บ่อยๆ Bot ของ Google ก็จะเข้ามาเก็บข้อมูลบ่อยๆ เช่นกัน ส่วนในการเพิ่มบทความใหม่ๆ เข้าไปในเว็บไซต์นั้น อาจะเพิ่มวัน 3-4 บทความ (ถ้ามีเวลา) หรือ อย่างน้อย 2-3 วัน สัก 1 บทความก็ยังดีครับ
TAG สำคัญ
ข้อความ
ใช้กับประโยคที่เป็นหัวข้อหลัก บ่งบอกถึงเนื้อหาภายในเว็บเพจ และที่สำคัญควรมีแค่ หัวข้อเดียว แล้วก็ ควรสอดแทรกคีย์เวิร์ดเข้าไปด้วย
<ข้อความ>ใช้กับประโยคที่เป็นหัวข้อที่มีความสำคัญรองลงมา มีได้มากกว่าหนึ่งหัวข้อ
ข้อความ ใช้เน้นคำที่มีความสำคัญ หรือ คีย์เวิร์ด
Tag ที่ขาดไม่ได้
Title เป็นสิ่งที่สำคัญเลยครับ เป็นหัวข้อหลัก บ่งบอกเนื้อหาภายในเว็บไซต์ จะแสดงในบรรทัดที่ 1 ของ Google ครับ ตัวอย่าง
Description เป็นคำอธบายของเว็บไซต์ ทำให้บอกรู้ได้ว่าเว็บไซต์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ตัวอย่าง
Keywords ควรใส่ไม่เกิน 10 คำ แล้วก็คั่นด้วยเครื่องหมาย "," ตัวอย่าง
Tag เหล่านี้ อยู่ในส่วนของ โค้ด
ควรมีลิงค์ไปยังเว็บเพจหน้าอื่นบ้าง
ใน การเขียนบทความในแต่ละครั้ง ถ้าเราเจอคีย์เวิร์ดต่างๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ บทความที่เราเขียนมาก่อนหน้านี้แล้ว เราก็ควรที่จะทำลิงค์ หรือใส่ลิงค์ไปหา บทความนั้นๆ ด้วย เพราะ Google จะได้อยู่ในเว็บไซต์ของเรานานๆ และสามารถเก็บข้อมูลภายในเว็บไซต์ได้ครบทุกหน้า
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรมีลิงค์ออกนอกเว็บไซต์
ก็คือไม่ควรใส่ลิงค์ ให้เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ภายนอก โดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ค่า PR ของเรารั่วไหลไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ได้
ถ้ามีความจำเป็นต้องทำลิงค์ออกนอกเว็บไซต์
ในกรณีที่เราจะเชื่อมโยงลิงค์ไปยังเว็บไซต์ ภายนอก ให้เราใส่ nofollow link เข้าไปด้วย
ตัวอย่าง ข้อความ
การทำ SEO Off Page (ทำภายนอกเว็บไซต์)
การทำ SEO ภายนอกเว็บไซต์ ก็จะเป็นการฝากลิงค์ หรือ หา แบ็คลิงค์ (Back Link )
แบ็ค ลิงค์ คืออะไร แบ็คลิงค์ ก็คือ ลิงค์ที่เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ ภายนอก หรือ เว็บไซต์ อื่นๆ มาหาเว็บไซต์ ของเรา ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็ทำให้เว็บไซต์ของเรายิ่งมีค่าในสายตาของ Google มากเท่านั้น
และอีกประการที่จะเป็นทางลัดอย่างรวดเร็วคือ การลงทุนโฆษณากับ Google Adwords แบบนี้เสียเงิน แต่ได้ผลเร็วทันตาเห็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)